อาการแพ้ท้องในคุณแม่

อาการแพ้ท้อง เป็นอาการที่เกิดในหญิงตั้งครรภ์ มักแสดงอาการในช่วงอายุครรภ์ 3 เดือน โดยส่วนใหญ่จะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน วิงเวียนศรีษะ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียมากกว่าปกติ คนท้องส่วนใหญ่จะรู้สึกแพ้ท้องมากช่วงตื่นนอนตอนเช้าและจะยิ่งแพ้ท้องหนักเมื่อท้องว่างมากเป็นพิเศษ คุณแม่แต่ละคนจะมีอาการแพ้ท้องรุนแรงไม่เท่ากัน บางคนแค่ผะอืดผะอม บางคนคลื่นไส้อาเจียน ในขณะที่บางคนรุนแรงมาก ทานอะไรไม่ได้ ตาลึกโบ๋ ปากแห้ง ปัสสาวะน้อย ถ้ามีอาการแพ้รุนแรง ควรพบหมอโดยด่วน

1. อยากอาเจียน คุณแม่จะรู้สึกอึดอัดหน้าท้องและหน้าอก จนอยากอาเจียน และจะทรมาน
มากเมื่ออาเจียนตอนท้องว่าง

2. เหม็นไปหมด อาการนี้เกิดขึ้นเนื่องจากระบบประสาทอัตโนมัติไม่มั่นคง ทำให้คุณแม่อาจ
รู้สึกไม่สบายในทันทีเมื่อได้กลิ่นเหม็น ๆ เช่น กลิ่นอาหารต่าง ๆ กาแฟกลิ่นน้ำหอมที่เคย
ชอบกลับไม่ชอบ เป็นต้น

3. ปวดแสบลิ้นปี่ ในช่วงที่คุณแม่มีอาการแพ้ท้องและอาเจียนบ่อย ๆ อาจมีอาการอักเสบ
บริเวณลิ้นปี่เกิดขึ้นตามมาได้เพราะน้ำย่อยที่อาเจียนออกมาทำให้แสบหลอดอาหารและ
คุณแม่อาจมีความรู้สึกขมที่ลิ้น เจ็บปวดในอก และอาจกระจายถึงคอ จนเป็นสาเหตุทำให้
เกิดอาการเจ็บคอและมีอาการไอเรื้อรังได้ นอกจากนี้อาการปวดแสบลิ้นปี่ยังอาจเกิดจาก
การที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัว ทำให้กล้ามเนื้อหูรูดของ
หลอดอาหารได้รับผลกระทบ จึงอาจมีน้ำย่อยไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหารและระคาย
เคืองหลอดอาหารจนทำให้คุณแม่รู้สึกแสบที่ลิ้นปี่ได้ 

4. เหนื่อยง่าย รู้สึกเหน็ดเหนื่อย อยากนอนตลอดเวลา เนื่องจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่
สูงขึ้นมีผลทำให้กล้ามเนื้อในร่างกายคลายตัวเหมือนยากล่อมประสาท ภายในร่างกายมี
การเผาผลาญอาหารไปสู่ทารกน้อยมากขึ้น ทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงและสูญเสีย
พลังงานมากขึ้น คุณแม่จึงควรพักผ่อนเยอะ ๆ

5. ง่วงนอนตลอดเวลา คุณแม่บางคนอาจจะรู้สึกว่าร่างกายเหนื่อยล้า นอนเท่าไรก็ไม่เต็ม
อิ่ม

6. อยากกินอะไรแปลกๆบางครั้งคุณแม่อาจอยากกินอาหารแปลก ๆ เช่น อาหารที่มีรส
เปรี้ยวอย่างมะม่วง มะกอก มะดัน ฯลฯ หรือจู่ ๆ ก็ไม่สามารถกินของที่ตัวเองเคยชอบได้
และบางครั้งก็อยากกินของที่ไม่เคยชอบอย่างมาก แต่คุณแม่บางรายก็ไม่อยากจะกินอะไร
เลยก็มี ซึ่งอาจเป็นเพราะมีอาการขมเฝื่อนในปาก เพราะร่างกายเปลี่ยนไป ทำให้กินอาหาร
ไม่อร่อย

7. อารมณ์แปรปรวน รู้สึกหงุดหงิด และอาจปวดศีรษะบ่อยขึ้น แต่ไม่รุนแรงมากนัก

1. ดื่มน้ำมากๆ ในช่วงที่ท้องควรดื่มน้ำมากๆ หรือว่าเท่าที่จะมากได้ เพราะว่าการดื่มน้ำนั้นจะ
ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งน้ำที่แนะนำนั่นอาจจะเป็นน้ำเปล่า น้ำผลไม้
จะดีที่สุดค่ะ และควรดื่มน้ำก่อนและหลังรับประทานอาหารประมาณ 30 นาที และไม่ควร
ดื่มน้ำร่วมกับการรับประทานอาหารหรือหลังอาหารในทันที

2. ไม่ควรปล่อยให้ท้องว่าง คุณแม่อาจจะหาวิธีการโดยนำขนมติดตัว และกินไปเรื่อยๆ เช่น
ขนมจำพวกถั่วขนมที่ทำจากถั่วเหลือง เพื่อป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียนที่จะเกิดขึ้นขณะ
ท้องได้

3. พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพออาจทำให้เกิดอาการแพ้ท้องได้
ง่าย เพราะอาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้คุณแม่รู้สึกเวียนหัวได้ง่าย เทางที่ดีควรเข้านอนตั้งแต่
หัวค่ำ เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ดีกว่า

4. หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด คุณแม่ควรพยายามอย่าเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่ร้อนอบอ้าว
อากาศไม่ถ่ายเท เพราะจะทำให้คุณแม่เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ง่าย ถ้าคุณแม่ต้อง
ออกไปทานข้าวนอกบ้านก็พยายามหลบแดดหน่อยค่ะ หรืออาจจะพกร่ม พัด ยาดม และ
ลูกอมติดตัวไว้ก็ได้

5. หลีกเลี่ยงอาหารมัน ทอด รสจัด อาหารบางประเภทที่อาจไปกระตุ้นระบบการย่อย
อาหารให้ผิดปกติ และทำให้รู้สึกอยากอาเจียนได้ง่ายขึ้น เช่น อาหารไขมันสูง อาหารทอด
อาหารรสจัด หรือมีกรดสูง เปลี่ยนมาเป็นการรับประทานอาหารที่อุดมด้วยโปรตีนสูง และวิ
ตามินบี 6 ที่มีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการแพ้ท้องให้น้อยลง

6. เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเน้น วิตามินบี 6 อาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี ซึ่งพบมาก
ในอาหารประเภทผลิตภัณฑ์นม เนื้อสัตว์ตับ ไข่ ปลา สัตว์น้ำประเภทมีเปลือก ถั่ว พืช
ประเภทถั่ว ข้าวโพด ผลไม้ผักสด และอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น ขนมปัง หรือ
ขนมปังกรอบ เป็นต้น

7. พยายามอย่าเครียด เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์มีภาวะเครียด ร่างกายจะหลั่งสารเคมีและ
ฮอร์โมนที่เกิดจากความเครียด(อะดรีนาลิน) ออกมามากขึ้น ส่งผลให้เสี่ยงต่อภาวะแท้งใน
คุณแม่ที่อายุครรภ์น้อย ทารกในครรภ์มีโอกาสติดเชื้อสูงและเติบโตช้า เนื่องจากเส้นเลือด
ที่ไปเลี้ยงมดลูกและรกเกิดการหดตัว ทำให้ออกซิเจนที่ส่งไปยังทารกลดน้อยลง

8. สวมเสื้อผ้าที่สบายตัว คุณแม่ขณะตั้งครรภ์จะมีรูปร่างที่เปลี่ยนไปตามขนาดของท้องที่
ขยายใหญ่ขึ้น ทำให้รู้สึกอึดอัด จึงควรเลือกสวมเสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าใส่สบาย พอดีกับหุ่นและ
ขนาดท้อง จะทำให้คุณแม่รู้สึกมั่นใจและสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวันด้วย

ที่มา : https://th.theasianparent.com/อาการแพ้ท้อง